LifeVantage

ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ LifeVantage : Nrf1 / Nrf2 / MindBody GLP-1 System / ProBio / TrueScience / TrueRenew ติดต่อสอบถาม/สั่งซื้อ โทร ☎️ :: 084-110-5021 📍 Line ID :: pla-prapasara 🌸 รับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะทาง Line ค่ะ

วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2568

TrueScience® Perfecting Lotion (เพอร์เฟ็คติ้ง โลชั่น)

 

TrueScience® Perfecting Lotion

เพอร์เฟ็คติ้ง โลชั่น คืนความสดใส ความมีชีวิตชีวา เปล่งประกาย, ความชุ่มชื้นของผิวหน้า และโทนผิวที่สม่ำเสมอภายใน 4 สัปดาห์ ด้วยนวัตกรรม Nrf2 ของเรา




นวัตกรรมสำคัญในการปกป้องผิวหน้าของคุณให้เปล่งประกาย ได้ตลอดทั้งวัน

ผิวคุณนั้นถูกทำร้ายในระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็น แสงแดด, มลภาวะ, เวลาที่ล่วงเลยไป ทั้งหมดทั้งมวลล้วนแต่ส่งผลต่อเซลล์ผิวคุณ และมันสามารถทิ้งไว้ซึ่งความหมองคล้ำ และเหนื่อยล้า แต่ด้วยการปฏิวัติขั้นตอนในการดูแลผิว จาก โลชั่นที่ ปราศจาก เอธานอล บวกกับการเสริมด้วยเทคโนโลยี เอ็นอาร์เอฟทูขั้นสูง คุณสามารถกลับมามีผิวที่ดียิ่งขึ้นได้ ด้วยสูตรที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยในการปรับสภาพผิวให้มีโทนสีที่สม่ำเสมอกัน และยังคงเป็นมากกว่าโทนเนอร์ และเซรั่ม ทรูไซเอินซ์ เพอร์เฟ็คติ้ง โลชั่น ได้เพิ่มขีดความสามารถให้กับขั้นตอนการดูแลผิวของคุณ



ประโยชน์

  • สร้างด้วยนวัตกรรม Nrf2ขั้นสูง
  • คืนความสมดุลย์ให้แก่ผิว เพิ่มเกราะป้องกันตามธรรมชาติของผิว
  • ลดเลือนรอยหมองคล้ำ และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอกัน
  • ลดปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอและช่วยปรับโทนสีผิวให้สม่ำเสมอยิ่งขึ้น




#TrueScience® Perfecting Lotion     #เพอร์เฟ็คติ้ง  #โลชั่น

วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

การทำ SEO คืออะไร

  การทำ SEO คืออะไร







การทำ SEO คืออะไร เรียนรู้เทคนิคง่ายๆ ทำด้วยตัวเอง ไม่ต้องเสียตังค์


"SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับการค้นหาในตำแหน่งที่ดีที่สุด หรือ ติดหน้าแรกของ Search Engine ต่างๆ เช่น Google, Yahoo, Bing โดย SEO ย่อมากจาก Search Engine Optimization."





"SEO คือ การทำอันดับของเว็บไซต์เพื่อให้ไปแสดงอยู่ในหน้าแรกของผลการค้นหาบน Google Search ซึ่งการจะทำให้เว็บไซต์แสดงผลในอันดับที่ดีได้นั้น มีขั้นตอนและปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบกันทั้งในเรื่องของเนื้อหาและเรื่องทางเทคนิคอล ดังนั้นแล้วหากจะพูดกันให้ครอบคลุมถึงความหมายที่แท้จริง การทำ SEO คือ การพัฒนาเนื้อหาของเว็บไซต์ (content) และโครงสร้างของเว็บ (site structure) เพื่อให้ Search Engine "





ประโยชน์ของการทำ SEO

ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของการทำ SEO คือ หากเราสามารถทำให้เว็บไซต์ของเราติดหน้าแรกหรือติดอันดับต้นๆ บนผลการค้นหาได้แล้ว เราจะสามารถเพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ (Traffic) โดยที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ และที่สำคัญมากกว่านั้นคือ Traffic ที่เข้ามานั้นจะเป็น Traffic ที่ค่อนข้างมีคุณภาพ เพราะคนที่เข้าเว็บจากการ Search มักจะมีความต้องการบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังค้นหาอยู่แล้ว Traffic กลุ่มนี้จึงมีโอกาสเกิด การซื้อสินค้าและบริการ (Conversion) ที่ค่อนข้างสูง แต่การจะติดหน้าแรกได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และเป็นงานที่ต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้เลย ดังนั้นคนที่ทำ SEO จึงควรจะต้องศึกษาและทำความเข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการทำ SEO และทำให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดี




ขอแนะนำ️

การ Add Google Sitemap โดยการเข้าไปที่ URL : www.google.com/webmasters/tools/   เพื่อเข้าไปยัง Google Webmaster Tools จากนั้นก็ทำการ Login เข้าไปเลยค่ะ (หากใครใช้เมล์ Gmail ก็เอา Accout ของ Gmail มา Login ได้เลยค่ะ













 การทำ SEO คืออะไร

ประโยชน์ของการทำ SEO


CR   ::     https://prapasara.blogspot.com/2024/05/seo.html    ,   https://lifevantage-thailand.blogspot.com/2018/12/seo.html


วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2567

มอยส์เจอร์ไรเซอร์ กับเซรั่ม ต่างกันไหม จำเป็นต้องใช้ทั้งคู่หรือเปล่า

 

มอยส์เจอร์ไรเซอร์ กับเซรั่ม ต่างกันไหม จำเป็นต้องใช้ทั้งคู่หรือเปล่า



การบำรุงผิวหน้าคือการช่วยดูแลผิวหน้าให้แข็งแรงและสุขภาพดี โดยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ เช่น ครีม โลชั่น เซรั่ม มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ฯลฯ แผ่นมาสก์หน้า เป็นต้น แต่เพราะในแต่ละขั้นตอนของการบำรุงผิวหน้านั้นมีผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด นั่นอาจทำให้หลายๆ คนสับสน อย่างเช่นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ กับเซรั่มนั้นเหมือนกันไหม ต่างกันหรือเปล่า และจำเป็นต้องใช้ทั้งคู่บำรุงผิวหน้าไหม และวันนี้เรามีคำตอบ


มอยส์เจอร์ไรเซอร์ กับเซรั่มแตกต่างกันไหม

มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ต่าง กับเซรั่มอย่างไร

เซรั่มและมอยส์เจอร์ไรเซอร์มีความแตกต่างกัน เซรั่มมีเนื้อสัมผัสที่บางเบาและมีส่วนผสมที่เข้มข้นกว่า มอยส์เจอร์ไรเซอร์มีเนื้อสัมผัสที่หนาขึ้นและมีส่วนผสมที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นและปกป้องผิว เซรั่มมักใช้เพื่อแก้ปัญหาผิวเฉพาะ เช่น ริ้วรอย จุดด่างดำ และสิว มอยส์เจอร์ไรเซอร์ใช้เพื่อเติมความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อม

หากคุณมีผิวแห้ง คุณอาจต้องการใช้ทั้งเซรั่มและมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เซรั่มจะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวและมอยส์เจอร์ไรเซอร์จะช่วยล็อกความชุ่มชื้นไว้ เซรั่มและมอยส์เจอร์ไรเซอร์มักใช้ร่วมกันเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

หากคุณมีผิวมันหรือผิวผสม คุณอาจต้องการใช้เซรั่มเท่านั้น เซรั่มบางชนิดมีส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมันและรูขุมขนกว้าง เซรั่มสามารถให้ความชุ่มชื้นเพียงพอสำหรับผิวบางประเภท โดยไม่จำเป็นต้องใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์

โดยสรุปแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งเซรั่มและมอยส์เจอร์ไรเซอร์ คุณควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของคุณมากที่สุด


มอยส์จอร์ไรเซอร์คืออะไร

การทามอยเจอร์ไรเซอร์

มอยส์เจอร์ไรเซอร์คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวและปกป้องผิวจากความแห้งกร้าน ผิวแห้งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะมีสภาพผิวแบบไหนก็ตาม อย่างไรก็ตาม คนที่มีผิวแห้งอาจมีอาการที่รุนแรงกว่า เช่น ผิวหยาบกร้าน ลอกเป็นขุย แตกเป็น หรือแดง


ประโยชน์ของมอยส์เจอร์ไรเซอร์มีดังนี้

  • เติมความชุ่มชื้นให้ผิว
  • ปกป้องผิวจากความแห้งกร้าน
  • เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว
  • ลดอาการระคายเคืองผิว
  • ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์

มอยส์เจอร์ไรเซอร์มีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับส่วนผสมและเนื้อสัมผัส ควรเลือกใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวของแต่ละคน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น หลังจากล้างหน้าและเช็ดหน้าให้แห้ง โดยทาให้ทั่วใบหน้าและลำคอ

เซรั่มคืออะไร

เซรั่มคืออะไร

เซรั่มคือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเนื้อสัมผัสบางเบาและมีส่วนผสมที่เข้มข้นกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดอื่นๆ เซรั่มมักใช้เพื่อแก้ปัญหาผิวเฉพาะ เช่น ริ้วรอย จุดด่างดำ และสิว เซรั่มสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึกและเห็นผลลัพธ์ได้เร็วกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดอื่นๆ


ประโยชน์ของการใช้เซรั่มมีดังนี้

  • เติมความชุ่มชื้นให้ผิว
  • ลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ
  • ป้องกันการเกิดสิว
  • ปรับปรุงสีผิวให้สม่ำเสมอ
  • ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์



วิธีใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ กับเซรั่มร่วมกัน

  1. ล้างหน้าให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิว
  2. เช็ดหน้าให้แห้ง
  3. ทาโทนเนอร์ เพื่อปรับสมดุลผิว
  4. ทาเซรั่ม เพื่อบำรุงผิวอย่างล้ำลึก
  5. ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิวและล็อกสารบำรุงจากเซรั่ม

เซรั่มควรทาหลังจากทำความสะอาดผิวและเช็ดหน้าให้แห้ง เพื่อให้ผิวสามารถดูดซึมสารบำรุงได้อย่างเต็มที่ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ควรทาหลังจากทาเซรั่ม เพื่อล็อกสารบำรุงจากเซรั่มและเติมความชุ่มชื้นให้ผิว

สามารถใช้เซรั่มและมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น อย่างไรก็ตามควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวของแต่ละคนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด




ที่มา    ::         www.sanook.com/ 

วิธีใช้ "เซรั่ม" เคล็ดลับบำรุงผิวให้มีสุขภาพดีง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน

 

วิธีใช้ "เซรั่ม" เคล็ดลับบำรุงผิวให้มีสุขภาพดีง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน




"เซรั่ม" ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามที่หลายคนขาดไม่ได้ เพราะมีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวล้ำลึกมากกว่าการทาครีมทั่วไป ทั้งผู้หญิงและผู้ชายก็สามารถใช้เซรั่มเป็นตัวช่วยดูแลผิวพรรณได้เช่นกัน เพราะปัจจุบันมีหลายสูตรให้เลือกใช้ ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว แต่การจะใช้เซรั่มให้ได้ผลที่สุด ก็จำเป็นต้องรู้วิธีใช้ที่ถูกต้อง

รู้จัก "เซรั่ม" (Serum) คืออะไร จำเป็นแค่ไหนในการบำรุงผิว?

เซรั่ม คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีขนาดโมเลกุลเล็กมาก เนื้อสัมผัสจะเบาบาง มีลักษณะเป็นของเหลวใสๆ อาจจะมีสีขุ่นๆ รวมไปถึงมีสีสันต่างๆ ตามส่วนผสมและสารสกัดที่ใช้ เซรั่มมีจุดเด่นที่ความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์สำคัญ (Active Ingredients) ซึ่งมีประสิทธิภาพช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวได้ล้ำลึก ด้วยการใช้ในปริมาณเพียง 2-3 หยดเท่านั้น 

ปัจจุบัน มีการผลิตภัณฑ์เซรั่มผิวออกมาหลากหลายสูตร โดยเฉพาะเซรั่มบำรุงผิวหน้า เพื่อให้แต่ละคนเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตนเอง ช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น เช่น เซรั่มเพื่อผิวกระจ่างใส, ลดเลือนจุดด่างดำ, ลดเลือนริ้วรอย, กระชับรูขุมขน เป็นต้น 

ประโยชน์ของเซรั่ม คือ การซึมลึกลงไปยังผิวชั้นใน เพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวอย่างอ่อนโยน และปกป้องผิวให้มีความแข็งแรงมากขึ้น นอกจากใช้เซรั่มบำรุงผิวหน้าทั่วไปแล้ว วิธีใช้เซรั่มสำหรับผู้ชาย ยังช่วยลดอาการระคายเคืองของผิวจากการโกนหนวดได้อีกด้วย


"เซรั่ม" ต่างจาก "ครีม" อย่างไร?

แม้ว่าทั้งเซรั่มและครีมจะมีหน้าที่ในการช่วยดูแลบำรุงผิวพรรณ แต่ก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งหากรู้ไว้ก็จะช่วยให้เราเรียงลำดับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้การดูแลผิวพรรณมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง

  • เซรั่ม : เป็นสารบำรุงที่มีความเข้มข้น ซึมเข้าสู่ผิวเร็ว บางเบา ใช้ในปริมาณน้อย แก้ปัญหาและฟื้นฟูผิวได้ตรงจุด เน้นการบำรุงผิวจากภายใน แทรกซึมผ่านผิวได้ล้ำลึก ผลิตภัณฑ์เซรั่มจะมีราคาค่อนข้างสูง
  • ครีม : มีเนื้อสัมผัสที่หนักกว่าเซรั่ม แก้ปัญหาผิวโดยรวม บำรุงผิวชั้นนอก ช่วยให้ความชุ่มชื้น ไม่ทำให้ผิวแห้ง อาจต้องใช้ปริมาณเยอะในการทำบำรุงผิวหน้า แต่ครีมส่วนใหญ่จะมีราคาไม่แพงเท่ากับเซรั่ม

วิธีใช้เซรั่ม ควรใช้ตอนไหนให้ได้ประสิทธิภาพที่สุด (สำหรับผู้หญิงและผู้ชาย)

สำหรับคนที่อยากหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ แต่ก็สงสัยว่าเซรั่มใช้ยังไง ใช้ตอนไหนให้ได้ผลดีที่สุด ผู้ชายใช้ได้หรือไม่? คำตอบคือ ไม่ว่าจะผู้หญิง ผู้ชาย หรือเพศไหน ก็สามารถใช้เซรั่มผิวเพื่อดูแลผิวพรรณได้ ส่วนวิธีใช้นั้นง่ายมาก เพียงแค่รู้ลำดับขั้นตอนการใช้ ก็สามารถบำรุงผิวหน้าได้แล้ว ดังนี้

1. ทำความสะอาดหน้าเพื่อเตรียมผิว
เรียกว่าเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดที่ไม่ควรมองข้าม หลังอาบน้ำควรล้างหน้าเพื่อขจัดสิ่งสกปรกติดค้าง หลังจากนั้นเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน เพื่อเปิดรูขุมขน ไม่ถูแรงจนเกินไป ซึ่งในขั้นตอนที่ผิวหน้ากำลังชุ่มชื้นคือ การเตรียมผิวที่ดีที่สุด ในขั้นตอนนี้สามารถใช้เอสเซนส์บำรุงเพื่อฟื้นฟูเซลล์ผิวได้ด้วย

2. เริ่มทาเซรั่มบนผิวหน้า
การใช้เซรั่มในขณะที่ผิวกำลังชุ่มชื้น จะช่วยให้สารบำรุงซึมลึกลงสู่ชั้นในของผิวได้ดีกว่าตอนที่ผิวหน้าแห้ง โดยบีบเซรั่มจากหลอด ให้มีขนาดเท่าเมล็ดถั่ว เพียง 2-3 หยด หลังจากนั้นใช้ปลายนิ้วเกลี่ยให้ทั่วใบหน้า เริ่มจากจุดกลางหน้าผาก จมูก ปลายคาง และแก้มทั้ง 2 ข้าง นวดเบาๆ ให้เนื้อเซรั่มกระจายทั่วใบหน้าและลำคอ 

3. ทามอยส์เจอไรเซอร์ หรือสกินแคร์อื่นๆ
หลังจากทาเซรั่มแล้ว ควรรอสัก 5 นาที เพื่อให้สารบำรุงซึมลงสู่ผิวชั้นใน แล้วค่อยทามอยส์เจอไรเซอร์ ซึ่งหลายคนอาจลำดับสับสน ให้จำไว้เสมอว่า "ลงเซรั่มก่อนมอยส์เจอไรเซอร์" เนื่องจากเซรั่มมีความบางเบาที่สุด ส่วนมอยส์เจอไรเซอร์มีความเข้มข้นกว่า จะช่วยล็อกความชุ่มชื้นของชั้นผิวไว้ได้ หรือไม่ว่าจะใช้ครีมบำรุงและสกินแคร์ชนิดไหน ก็ควรทาตัวที่มีเนื้อครีมหนักเป็นลำดับหลังๆ เพื่อให้การบำรุงมีประสิทธิภาพสูงสุด


การเลือกเซรั่มที่ดี ควรเลือกใช้ของผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ปลอดภัยจากสารปรอทและส่วนผสมที่เป็นอันตราย ใครที่แพ้ง่ายก็ควรหันมาใช้เซรั่มสูตรอ่อนโยน มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ไร้สีและกลิ่น โดยต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพปัญหาผิวของตนเอง ที่สำคัญอย่าลืมดูแลสุขภาพและร่างกาย ด้วยการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาด ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ


ที่มา    ::    www.thairath.co.th

เซรั่ม (Serum) คืออะไร ประโยชน์ของซีรั่ม และวิธีใช้

 เซรั่ม (Serum) คืออะไร ประโยชน์ของซีรั่ม และวิธีใช้

 


 

เซรั่มอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เข้มข้น ช่วยบำรุงผิวได้อย่างตรงจุด แล้วเซรั่มต่างจากครีมบำรุงอย่างไร แล้วเราจะต้องเลือกใช้เซรั่มหรือครีมบำรุงกันแน่ ถึงจะส่งผลดีต่อผิวพรรณ

 

เซรั่ม (Serum) คืออะไร? ทุกคนคงคุ้นชินกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่างผลิตภัณฑ์เนื้อครีมมาอย่างยาวนาน แต่ในยุคปัจจุบัน อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเนื้อเป็นน้ำ กำลังฮอตฮิต เพราะมีเนื้อสัมผัสที่บางเบา ไม่รู้สึกหนักหน้า ทำให้ใช้แล้วรู้สึกสบายผิว เป็นที่นิยม ใช้ได้กับทุกเพศทุกวัยในปัจจุบัน นั่นก็คือ เซรั่ม

 

ยิ่งไปกว่านั้นเซรั่มยังมีสูตรหลากหลายให้สามารถเลือกใช้ตามความต้องการของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นเซรั่มบูสต์ผิว เซรั่มลดรอยสิว เซรั่มหน้าใส เซรั่มลดรูขุมขน เซรั่มลดสิว เซรั่มหน้าขาว เป็นต้น งั้นเรามาดูกันว่าแล้วเซรั่ม คือมอยส์เจอไรเซอร์ที่ต่างจากมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวแบบอื่นอย่างไรบ้าง? แล้วใครกันที่เหมาะกับการบำรุงผิวด้วยเซรั่มจริง ๆ กันแน่

 

 


เซรั่ม (Serum) คือ

เซรั่ม (Serum) หรือซีรัม คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเมโลกุลในเนื้อผลิตภัณฑ์ขนาดเล็ก ทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์เซรั่มมีลักษณะที่บางเบากว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าชนิดอื่น ๆ อย่างเนื้อเจล เนื้อครีม โดยเนื้อของเซรั่มจะมีความเหลวตั้งแต่เหลวเป็นน้ำไปจนถึงเนื้อที่ข้นขึ้นมากึ่งเหลว ส่วนสี และความใส - ขุ่นของเซรั่มนั้นจะแตกต่างกันไปตามส่วนผสมที่บรรจุในเซรั่มแตกต่างกันไป

 

แต่คุณสมบัติที่โดดเด่นของเซรั่มที่แตกต่างไปจากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ คือ จะมีความเข้มข้นของสารบำรุงที่เรียกว่า สารออกฤทธิ์สำคัญ (Active Ingredients) สูงกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงเนื้ออื่น ๆ ทำให้เซรั่ม/ซีรั่ม เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงที่ช่วยในการบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลากหลายตามส่วนผสมในเซรั่ม ทั้งแก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ขาดความชุ่มชื้น ช่วยในการควบคุมปัญหา ไปจนถึงเมื่อสิวหายแล้วทิ้งร่องรอยไว้ลดเลือนรอยสิว

 

ด้วยความเข้มข้นที่สูงทำให้ในการใช้เซรั่ม/ซีรัมสามารถใช้ได้ในปริมาณเพียงแค่เล็กน้อย แต่คงคุณภาพได้ดีได้ไม่แพ้ผลิตภัณฑ์เนื้อครีม อีกทั้งขนาดโมเลกุลที่เล็กในเนื้อเซรั่มทำให้สามารถซึมซาบเข้าสู่เซลล์ผิวในระดับโครงสร้างผิวได้อย่างรวดเร็ว และล้ำลึก

 

ประโยชน์ของเซรั่ม

ทำไมเราจึงควรใช้เซรั่ม? ประโยชน์ของเซรั่มคืออะไร? วันนี้ เรา จะพามาดูคำตอบกัน เชื่อว่าทุกคนจะเห็นถึงความสำคัญของขั้นตอนการบำรุงผิวด้วยเซรั่มขึ้นมาแน่นอน

 

ประโยชน์ของเซรั่ม/ซีรัม คือ มีสรรพคุณที่ช่วยในการบำรุงผิวเป็นหลัก สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวอื่น ๆ ได้อีกด้วย และเซรั่มยังมีเนื้อผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น ส่งเสริมให้การบำรุงดีขึ้น ดังนี้

 

เซรั่มสามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้ตรงจุด ตามส่วนผสมของเซรั่มแต่ละชนิด เช่น เซรั่มหน้าใสที่มีส่วนผสม Glycolic acid Vitamin C จะช่วยให้ผิวขาวใส ลดจุดด่างดำ หรือไม่ว่าจะเป็นส่วนผสมอื่นที่ประกอบอยู่ในเซรั่มอย่าง Hyaluronic acid ที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น Salicylic acid ที่อยู่ในเซรั่มลดสิว ไปจนถึง Retinol Bakuchiol ช่วยจัดการในเรื่องริ้วรอย เป็นต้น

เซรั่ม (Serum) คือผลิตภัณฑ์มีความเข้มข้นของส่วนผสมที่เข้มข้นมาก ทำให้แม้จะใช้ผลิตภัณฑ์ในจำนวนน้อย ก็ยังมีประสิทธิภาพในการบำรุงผิวไม่ได้น้อยลง

เมื่อใช้เซรั่มเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนของปัญหาผิวที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะด้วยส่วนผสมต่างๆ ของเซรั่มสามารถออกฤทธิ์จัดการปัญหาผิวที่กังวลได้อย่างสม่ำเสมอ

ด้วยเนื้อเซรั่มมีลักษณะเนื้อที่บางเบา ทำให้สามารถซึมซาบลงสู่ผิวได้รวดเร็ว และล้ำลึกลงสู่ชั้นผิวที่ลึกได้ ไม่รู้สึกมัน เหนอะหน้า ไม่สบายผิว หรือง่ายต่อการจับฝุ่นละอองให้อุดตันในรูขุมขน มีโอกาสน้อยในการเกิดสิว

เซรั่มบางตัวเมื่อใช้คู่กับผลิตภัณฑ์บำรุงชนิดอื่นเข้าไปร่วมด้วยอย่างโทนเนอร์ เอสเซนส์ มอยเจอร์ไรเซอร์ ก็จะยิ่งทำให้ประสิทธิภาพในการบำรุงของเซรั่มเพิ่มมากขึ้น

การดัดแปลงวิธีการใช้เซรั่มจากแบบเดิมๆ ด้วยการนำมาหยดใส่สำลีให้ชุ่มแล้วมาส์กลงบนผิวประมาณ 10-15 นาที ก็ช่วยให้ผิวได้รับประสิทธิภาพจากส่วนผสมเช่นเดียวกัน นอกจากนั้นการใช้เซรั่มด้วยวิธีนี้ยังช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ผิวอีกด้วย

10 ประเภทของเซรั่ม

ด้วยส่วนผสมที่หลากหลายในตัวเซรั่ม ทำให้เซรั่มสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้หลากหลายจุด ตามแต่ความต้องการของผู้ใช้งาน งั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าเซรั่มต้องอุดมไปด้วยสารสกัดชนิดใดบ้าง จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาผิวตามจุดนั้น ๆ ได้อย่างตรงจุด

 

ซีรั่ม

1. เซรั่มช่วยลดริ้วรอย (Anti-Aging Serums)

เซรั่มที่มีหน้าที่ในการช่วยลดเลือนริ้วรอย ควรมีส่วนผสมที่เต็มไปด้วย อนุพันธ์ของวิตามิน เอ หรือเรตินอล (Retinol) และบาคูชิออล (Bakuchiol) สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวที่หย่อนคล้อย แน่นฟูขึ้นมาอีกครั้ง เติมเต็มร่องริ้วรอยต่าง ๆ ให้กลับมาดูอิ่มฟูอีกครั้ง อย่างไรก็ตามการใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของเรตินอล และบาคูชิออล ไปจนถึงเซรั่มที่มีส่วนผสมชนิดอื่นๆ ควรทาครีมกันแดดทุกครั้ง ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือต้องออกไปทำกิจกรรมข้างนอก

 

เซรั่มช่วยลดริ้วรอย (Anti-Aging Serums)

2. เซรั่มแอนติออกซิแดนซ์ (Antioxidant Serums)

เซรั่มที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) อย่าง วิตามิน อี วิตามิน ซี ก็จะช่วยลดตัวการทำร้ายผิวให้ร่วงโรยลงไปจากอนุมูลอิสระ

 

เพราะสารอนูมูลอิสระ (Free Radical) คือ โมเลกุลที่ไม่เสถียร อันเนื่องมาจากการขาดอิเล็กตรอน ทำให้โมเลกุลเหล่านี้ไปแย่งจับโมเลกุลเซลล์ในร่างกายที่มีอิเล็กตรอนอยู่เป็นคู่ ๆ จนทำให้เซลล์โมเลกุลในร่างกายไม่เสถียร ขาดความเสถียร ส่งผลให้เซลล์ร่างกายเสียหายได้

 

เซรั่มแอนติออกซิแดนซ์ (Antioxidant Serums)

3. เซรั่มช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น (Hydrating Serums)

สำหรับผู้ที่มีผิวลอก แห้งเป็นขุย ต้องการความชุ่มชื้น ควรมองหาเซรั่มที่อุดมไปด้วยไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ในการช่วยกักเก็บน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

 

เพราะสารสกัดตัวดังกล่าว มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้มากถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวสาร ถึงแม้สารตัวดังกล่าวร่างกายจะสามารถผลิตได้เองตามธรรมชาติ ตามเนื้อเยื่อ และน้ำหล่อลื่นไขข้อต่าง ๆ แต่เมื่ออายุที่ค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น ทำให้ร่างกายผลิตไฮยาลูรอนลดลงเช่นกัน ผิวจึงดูไม่เต่งตึง อิ่มน้ำเหมือนเก่า การใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหาดูกลับมาสดชื่น อิ่มน้ำขึ้น และยังช่วยลดริ้วรอยตื้นๆ เล็กๆ ให้จางลง

 

เซรั่มช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น (Hydrating Serums)

4. เซรั่มลดจุดด่างดำ ปรับสีผิว

ผู้ที่มีปัญหาจุดด่างดำ ฝ้า กระ รอยสิวบนใบหน้า ต้องการที่จะลดเลือนรอยหมองคล้ำเหล่านี้ให้หายไป แนะนำให้ดูผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) และ AHA หรือ กรดอัลฟ่าไฮดรอกซี (Hydroxy Acid) บรรจุอยู่ในเซรั่ม

 

เพราะไนอะซินาไมด์ เป็นวิตามิน บี 3 รูปแบบหนึ่งที่ร่างกายและผิวพรรณของเราต้องการ แต่ไม่สามารถผลิตเองได้ โดยสารตัวดังกล่าวเมื่ออยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นครีม เป็นเซรั่มก็จะช่วยเพิ่มเกราะป้องกันให้กับผิว เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว

 

ส่วนกรด AHA เป็นกรดที่ได้มาจากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวในธรรมชาติ มีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิว เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว และยังช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดรอยฝ้าแดด และรอยจุดด่างดำให้ดูจางลง

 

เซรั่มลดจุดด่างดำ ปรับสีผิว

5. เซรั่มช่วยให้ผิวกระจ่างใส (Brightening Serums)

หากพูดถึงหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้ผิวกระจ่างใส ก็คงจะหนีไม่พ้นเซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามิน ซี ประกอบอยู่ เพราะเป็นเซรั่มที่ช่วยขจัดปัญหาผิวคล้ำ เผยผิวขาวใสออกมาได้

 

วิตามิน ซี เป็นวิตามินที่พบได้ในธรรมชาติทั้งผัก ผลไม้ โดยคุณสมบัติหลักของวิตามินซีต่อผิวนั้น จะช่วยบำรุงให้ผิวพรรณขาวใส่เปล่งปลั่ง เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวเต่งตึง และช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ผิว ชะลอการเกิดริ้วรอยอีกด้วย

 

เซรั่มช่วยให้ผิวกระจ่างใส (Brightening Serums)

6. เซรั่มผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating Serum)

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกผิวหน้าหมองคล้ำ โทรมไม่แจ่มใส การใช้เซรั่มเพื่อผลัดเซลล์ผิวนั้น เป็นอีกทางออกหนึ่งที่จะช่วยขจัดปัญหานี้ให้คุณได้ โดยควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เซรั่มที่มีส่วนผสมของกรดไกโคลิค (Glycolic Acid)

 

เพราะกรดไกโคลิค (Glycolic Acid) ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นครีม เป็นเซรั่มนั้นจะมีสรรพคุณโดดเด่นในด้านการผลัดเซลล์ผิว ให้เซลล์ผิวเก่าหลุดออก ไม่ให้อุดตันในรูขุมขน และยังช่วยขจัดสิ่งสกปรกต่าง ๆ ในรูขุมขนอีกด้วย พร้อมเปิดผิวให้แลดูกระจ่างใส

 

นอกจากการผลัดเซลล์ผิวจะทำให้ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้นแล้ว ยังทำให้ผิวเรียนเนียน อีกทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นโครงสร้างผิว ลดการเสื่อมของคอลลาเจนในผิวได้ ทำให้ผิวยืดหยุ่น กระชับ เผยผิวแลดูอ่อนเยาว์

 

เซรั่มผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating Serum)

7. เซรั่มยกกระชับ (Firming Serums)

หากรู้สึกว่าหน้าหย่อนคล้อย ไม่แน่นเหมือนเดิมแล้ว แนะนำให้ใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมที่ช่วยทำให้โครงสร้างภายในผิวแข็งแรง และควรเป็นเซรั่มที่มีองค์ประกอบสำคัญในการกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างตัวของคอลลาเจนในชั้นผิว เพื่อให้ผิวเต่งตึง ยกกระชับ ไม่หย่อนคล้อย

 

ส่วนประกอบที่สำคัญที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีในเซรั่มยกกระชับ ก็คือ อนุพันธ์วิตามิน เอ หรือ เรตินอยด์ ที่มีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่าออก พร้อมกับกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ และยังเสริมให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน

 

เซรั่มยกกระชับ (Firming Serums)

8. เซรั่มช่วยกระชับรูขุมขน (Pore Tightening Serum)

ปัญหาหนักใจอย่างปัญหารูขุมขนกว้าง สามารถบรรเทาลงไปได้ด้วย การใช้เซรั่มที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว จะช่วยให้รูขุมขนของผิวนั้นกระชับขึ้นได้ เพราะความอิ่มน้ำของผิว ทำให้รูขุมขนฟูขึ้น

 

ด้วยเซรั่มที่อุดมด้วยไฮยาลูรอน และวิตามิน บี3 คู่สารสกัดที่จะทำให้ผิวคุณอิ่มน้ำ รูขุมขนฟูและดูกระชับขึ้นมาอีกครั้ง เพราะคุณสมบัติเด่นของกรดไฮยาลูรอนที่ช่วยอุ้มน้ำในผิว กักเก็บน้ำไว้ และวิตามิน บี 3 ก็มีฤทธิ์ในการรักษาน้ำให้ชั้นผิวด้วยเช่นกัน

 

เซรั่มช่วยกระชับรูขุมขน (Pore Tightening Serum)

9. เซรั่มช่วยป้องกันสิว (Anti-Acne Serum)

ปัญหาผิวยอดฮิตก็คงจะหนีไม่พ้น ปัญหาสิวที่เข้ามาทำร้ายผิวนั่นเอง หากจะพูดถึงสารสกัดที่ช่วยลดสิวได้ดี แร่ธาตุสังกะสี (Zinc) คงจะอยู่ในลิสต์อันดับต้น ๆ ที่คนเลือกใช้เป็นส่วนประกอบในเซรั่มลดสิว เพราะแร่ธาตุสังกะสีที่เป็นส่วนประกอบในเซรั่มนั้นมีฤทธิ์ในการป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบของผิว และยังช่วยยับยั้งการผลิตฮอร์โมน ลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว

 

ใครสนใจเคล็ดลับรักษาสิว สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ : รู้จัก “สิว” แบบเจาะลึก! รู้สาเหตุหลักของการเกิดสิว พร้อมบอกวิธีรักษาสิวที่ต้นตอ

 

เซรั่มช่วยป้องกันสิว (Anti-Acne Serum)

10. เซรั่มช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟู (Renewing Serum)

อีกตัวช่วยหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวให้กลับมาแลดูสุขภาพดี คือการใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามิน บี 5 ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยได้

 

วิตามินบี 5 ทำหน้าที่เป็นสารกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ปกป้องไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นไป และยังทำให้ผิวเนียนนุ่ม เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการพัฒนาการทำงานของเซลล์ผิว ต้านสารอนุมูลอิสระ การใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินบี 5 จึงทำให้เกิดเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ชะลอริ้วรอย เผยผิวใหม่ที่แลดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น

 

เซรั่มช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟู (Renewing Serum)

เซรั่ม และ ครีมบำรุงผิวหน้า แตกต่างกันอย่างไร

เซรั่ม และครีมบำรุงผิวหน้า แตกต่างกันอย่างไร หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าแล้วเราควรเลือกผลิตภัณฑ์ตัวไหนในการบำรุงผิวกัน สามารถเลือกใช้แค่ตัวใดตัวหนึ่งได้หรือไม่ หรือจำเป็นต้องใช้ทั้งเซรั่ม ทั้งครีมบำรุงผิวหน้าควบคู่กันไปเลยหรือไม่ เรา จึงอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้เห็นถึงคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปของเซรั่ม และครีมบำรุงผิวหน้าก่อน จึงจะได้เข้าใจและสามารถพิจารณาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสม

 

เซรั่ม (Serum)

เริ่มต้นกันที่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว “เซรั่ม (Serum)” มีความโดดเด่นที่เนื้อสัมผัสเป็นน้ำ หรือกึ่งน้ำ ทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้หลาย ๆ คน เพราะเมื่อทาลงไปบนผิวแล้วไม่รู้สึกหนักหน้า แต่กลับมอบความสบายให้กับผิวแทน นอกจากนี้เซรั่มยังมีสรรพคุณที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย

 

คุณสมบัติที่โดดเด่นของเซรั่ม มีดังนี้

 

เซรั่มเน้นการฟื้นบำรุงแก้ไขปัญหาผิวที่ตรงจุด

เซรั่มมีสารบำรุงในตัวที่เข้มข้นมาก ทำให้แม้จะใช้ในปริมาณ 2 - 3 หยด ก็สามารถให้ประสิทธิภาพในการบำรุงผิวที่สูงได้

เซรั่มมีเนื้อสัมผัสที่บางเบา ทำให้เมื่อทาลงไปบนผิว รู้สึกสบายผิว ไม่เหนอะหน้า

อย่างที่ทราบกันดีว่าเนื้อเซรั่มมีความบางเบา จึงทำให้เซรั่มจะซึมซาบลงไปในผิวได้อย่างล้ำลึก อีกทั้งไม่กีดกันการทำงานของครีมบำรุงตัวอื่น ๆ แต่กลับเพิ่มประสิทธิภาพในการนำพาสารบำรุงในผลิตภัณฑ์ให้ซึมลึกลงไปสู่ผิวได้มากกว่า

แต่ด้วยส่วนผสมในเซรั่มที่เข้มข้น ทำให้ง่ายต่อการที่ผิวจะระคายเคือง หรือแพ้ต่อผลิตภัณฑ์ได้ จึงแนะนำว่าก่อนใช้ควรทดสอบก่อน โดยการลองทาเนื้อเซรั่มในบริเวณใต้ท้องแขน เพราะเป็นบริเวณที่ผิวบอบบาง หากทาทิ้งเอาไว้แล้วเกิดอาการระคายเคือง หรือผื่นแดงขึ้น นั่นหมายความว่าอาจจะแพ้ตัวเซรั่มดังกล่าวได้

 

เซรั่มบํารุงหน้า

ครีมบำรุงผิวหน้า (Cream)

มาถึงผลิตภัณฑ์อีกประเภทหนึ่งที่เป็นที่นิยมมาตลอดอย่าง ครีมบำรุงผิวหน้า (Cream) คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีส่วนประกอบของน้ำและน้ำมัน ผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรมรวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นเนื้อครีมข้น เนื้อสัมผัสหนาแน่นกว่าเซรั่ม สีมีลักษณะค่อนข้างขุ่น แต่สีอาจจะแตกต่างกันไปตามส่วนผสมในตัวครีม

 

คุณสมบัติของครีมบำรุงผิวที่น่าสนใจ มีดังนี้

 

ครีมบำรุงมีเนื้อสัมผัสที่ข้น ทำให้สามารถมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างดี

ครีมทำหน้าที่เป็นตัวเคลือบผิวบาง ๆ ไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำออกจากผิว

ค้วยความเข้มข้นของสารสกัดที่น้อยกว่า ทำให้เมื่อเทียบกับเซรั่มแล้วครีมบำรุงจะมีราคาที่ถูกกว่า

แม้ครีมบำรุงจะมีความหนักหน้ากว่าเซรั่ม แต่ทุกคนจำเป็นต้องทาครีมบำรุงเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ถึงแม้บางครั้งผู้ที่มีผิวมันอาจจะคิดว่าผิวหน้านั้นมีน้ำมันมากแล้วก็ตาม แต่แท้จริงแล้วผิวมันก็สามารถขาดน้ำ สูญเสียความชุ่มชื้นในผิวได้ ทำให้ผิวยิ่งผลิตน้ำมันออกมาบนผิวมาก เพื่อทดแทนความชุ่มชื้นที่สูญเสียไป

 

และเป็นตัวช่วยปิดผิวไม่ให้เซรั่มที่ทาไปแล้ว หรือน้ำในผิวสูญเสียออกไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจจะต้องเลือกครีมบำรุงที่เหมาะกับสภาพผิว ในผู้ที่มีผิวมันอาจจะมองหาเนื้อครีมบำรุงที่มีความบางเบาลงมาจากครีมบำรุงทั่ว ๆ ไป

 

เซรั่มผิวแข็งแรง

หลังจากที่ทราบถึงข้อดีของครีมบำรุงแล้ว จะเห็นได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่สำคัญ และขาดไม่ได้เลยอีกตัวหนึ่ง เพราะมีหน้าที่การใช้ง่ายที่แตกต่างไปจากเซรั่ม แต่ด้วยครีมบำรุงผิวนั้นมีเนื้อครีมที่หนัก ทำให้จำเป็นต้องระวังการอุดตันของผิวเกิดขึ้น และนำมาซึ่งปัญหาสิวต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวผด เป็นต้น

 

วิธีการเลือกเซรั่มให้เหมาะกับสภาพผิว

หลักการในการเลือกใช้เซรั่ม/ซีรั่ม (Serum) นั้น จุดสำคัญเลยคือการเลือกเซรั่มให้เหมาะกับสภาพผิวของเรา เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน และไม่ส่งผลเสียต่อผิวแทน

 

โดยเราสามารถแบ่งลักษณะเซรั่มตามลักษณะผิวได้ ดังนี้

 

 

 

ผิวหน้ามัน

อย่างที่ทราบกันดีว่าผู้ที่มีผิวหน้ามันนั้นมีน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้ามาก จึงทำให้ที่มีผิวหน้ามันมักจะมีปัญหาผิวที่เห็นชัดเลยคือ ผิวหน้ามันเยิ้มในระหว่างวัน แต่งหน้าติดยาก เพราะด้วยผิวมันจึงทำให้เครื่องสำอางหลุดอยู่บ่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดสิวง่ายกว่าสภาพผิวแบบอื่นๆ อีกด้วย ทำให้ในการเลือกใช้เซรั่มควรเลี่ยงที่จะใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้ผิวเกิดการอุดตันได้ ทำให้เกิดปัญหาสิวตามมา สำหรับเซรั่มที่เหมาะกับคนผิวมันนั้นแนะนำให้เลือกใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของ กรดซาลิไซลิก ซิงค์ หรือ ทรีทีออยล์ ที่มีส่วนช่วยในเรื่องของความมันบนใบหน้า และยังมีส่วนช่วยในเรื่องของสิวได้เป็นอย่างดี

 

 

 

ผิวหน้าแห้ง

ส่วนผู้ที่มีผิวหน้าแห้ง น้ำมันบนผิวหน้าน้อย ผิวหน้าแห้งลอกเป็นขุย ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่มีผิวหน้าแห้งมักจะประสบปัญหาผิวหยาบกร้าน ลอก รู้สึกคันบ่อย และเกราะป้องกันผิวอ่อนแอ ควรเลือกใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามิน อี หรือสารสกัดที่ช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว และที่สำคัญควรเพิ่มขั้นตอนการทามอยซ์เจอไรเซอร์เพิ่มเข้าไปอีกขั้นควบคู่กับการใช้เซรั่มด้วย เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้น อิ่มน้ำมากขึ้น พร้อมทั้งยังช่วยเสริมให้เกราะป้องกันผิวมีความแข็งแรงได้อีกด้วย

 

 

 

ผิวหน้าธรรมดา

สำหรับผิวหน้าที่ใคร ๆ หลาย ๆ คนอิจฉา ก็คงจะเป็นผิวหน้าธรรมดา เพราะเป็นผิวที่ไม่มีปัญหาผิวมากนั่นเอง เป็นใบหน้าที่มีความสมดุลของน้ำมันบนผิวดี ทำให้ยากต่อการเกิดสิว และผิวที่ลอกเป็นขุย ทำให้หลายคนที่มีปัญหาผิวคิดว่าผิวธรรมดาไม่จำเป็นจะต้องใช้เซรั่ม แต่ความจริงแล้วคนที่มีสภาพผิวธรรมดาอาจจะมีปัญหาอื่น ๆ ขึ้นมาได้เช่นกัน จึงสามารถเลือกใช้เซรั่มที่แก้ปัญหาผิวที่ตรงจุดเอา เช่น ปัญหาริ้วรอย ควรใช้เซรั่มที่ช่วยดูแลเรื่องปัญหาริ้วรอย โดยประกอบด้วยส่วนผสมของวิตามิน เอ คอลลาเจน เพื่อช่วยเติมเต็มคอลลาเจนใต้ผิว ยกกระชับผิว เต่งตึง เติมเต็มร่องลึกบนผิว

 

วิธีทาเซรั่ม

หลายคนอาจจะเป็นมือใหม่หัดใช้สกินแคร์ ยังไม่รู้ว่าต้องลงเซรั่มในขั้นตอนไหนกันแน่ อาจจะสงสัยว่าหากมีสกินแคร์หลายตัวต้องเริ่มที่ผลิตภัณฑ์ตัวไหน เนื้อผลิตภัณฑ์แบบไหนก่อน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเซรั่ม เนื้อโลชั่น หรือเนื้อครีมก่อนกัน วันนี้เราจะมาไขคำตอบไปด้วยกัน เพื่อจะได้วิธีการทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ดีได้ประสิทธิภาพในการซึมลึกถึงชั้นผิวมากที่สุด

 

ขั้นตอนการทาเซรั่ม คือ ขั้นตอนดังต่อไปนี้

 

ไม่ว่าจะบำรุงผิวด้วยอะไรก็ตาม จำเป็นต้องทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจด ด้วยคลีนซิ่ง อายรีมูฟเวอร์ รวมไปถึงเจลล้างหน้า เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันภายในรูขุมขน จากคราบเครื่องสำอาง ครีมกันแดด มลภาวะ และการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจดจะยิ่งทำรูขุมขนรับโมเลกุลเซรั่มขนาดเล็ก ให้ซึมซาบลงไปสู่ผิวได้อย่างดี

แนะนำให้ใช้โทนเนอร์เช็ดผิวหน้า หลังล้างหน้าเสร็จ เพื่อเป็นการเตรียมผิวให้พร้อมสู่การบำรุงผิวในขั้นตอนถัดไป และเสริมประสิทธิภาพในการบำรุงยิ่งขึ้น ด้วยการลงพรีเซรั่ม เพื่อช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานของสกินแคร์ตัวถัดไป

พรีเซรั่ม (Pre Serum) คือ สกินแคร์ที่ใช้ลงก่อนหน้าที่จะทาเซรั่มลงไป มีหน้าที่นำพาสารบำรุงต่าง ๆ ในสกินแคร์ให้ซึมซาบลงสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว และล้ำลึก พร้อมกระตุ้นประสิทธิภาพของการทำงานของสกินแคร์

ลงเซรั่มที่ช่วยแก้ปัญหาผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเซรั่มบูสต์ผิว เซรั่มสำหรับสิวอุดตัน ฯลฯ ขณะที่ผิวกำลังชุ่มชื้น จะช่วยให้เซรั่มซึมซาบเข้าผิวได้ง่าย จากการศึกษาพบว่าผิวที่ชุ่มชื้น สามารถดูดซึมเซรั่มได้ดีกว่าผิวแห้งมากถึง 10 เท่า

ลงเซรั่มประมาณ 2 - 3 หยด ก็เพียงพอต่อการบำรุงผิวทั่วใบหน้า เพราะเซรั่มมีสารบำรุงที่เข้มข้นสูง แต่ที่สำคัญห้ามนำดรอปเปอร์หยดลงผิวหน้าโดยตรง เพราะน้ำมันบนผิวหน้าของเราอาจจะสะสมอยู่บนปลายดรอปเปอร์ได้ แล้วเมื่อเราใช้เสร็จก็เก็บดรอปเปอร์ลงไปอีกครั้ง ทำให้สิ่งแปลกปลอมเข้าไปปะปนอยู่ในเซรั่มเสียแล้ว ดังนั้นแนะนำให้หยดเซรั่มลงบนฝ่ามือก่อน เพื่อลดโอกาสสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในขวดเซรั่มได้

หลังจากเสร็จสิ้นการลงเซรั่มเรียบร้อยแล้วสามารถลงผลิตภัณฑ์บำรุงตัวอื่นต่อได้ทันที โดยเรียงลำดับจากเนื้อที่มีความบางเบาที่สุดก่อน เพื่อให้ซึมสู่ผิวได้ดี และไม่มีอะไรเคลือบผิวกลั้นไม่ให้สารบำรุงในผลิตภัณฑ์ซึมเข้าผิวได้

 

 


TrueScience® Perfecting Lotion (เพอร์เฟ็คติ้ง โลชั่น)

  TrueScience ®  Perfecting Lotion เพอร์เฟ็คติ้ง โลชั่น คืนความสดใส ความมีชีวิตชีวา เปล่งประกาย, ความชุ่มชื้นของผิวหน้า และโทนผิวที่สม่ำเสมอ...